ฟันน้ำนมนั้นสำคัญไฉน

ฟันน้ำนม

ฟันน้ำนมนั้น…สำคัญอย่างไร

โดยปกติแล้วฟันน้ำนมจะเริ่มหลุดเมื่อเด็กอายุประมาณ 6-7 ปี หลังจากนั้นฟันแท้จะขึ้นมาแทนที่ คุณพ่อคุณแม่จึงอาจมีความคิดว่า ยังไงฟันน้ำนมก็ต้องหลุดไปจนหมดอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปัญหาฟันผุสักเท่าไร แต่แท้จริงแล้ว การดูแลฟันน้ำนมมีความสำคัญไม่แพ้กับการดูแลฟันแท้ของผู้ใหญ่เลยล่ะ

1.ฟันน้ำนมช่วยในการบดเคี้ยวอาหาร

2.ฟันน้ำนมช่วยในการออกเสียง

3.ฟันน้ำนมช่วยในเรื่องของบุคลิกภาพ

4.ฟันน้ำนมช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของขากรรไกร

5.ฟันน้ำนมช่วยรักษาพื้นที่ให้กับฟันแท้

สาเหตุที่ทำให้ฟันน้ำนมผุ

  • ปล่อยให้เด็กนอนหลับคาขวดนม 

พฤติกรรมนี้จะทำให้น้ำตาลที่อยู่ในนม เข้าไปทำลายเคลือบฟันของเด็กได้ เพราะแบคทีเรียในช่องปากจะย่อยน้ำตาลในนมที่ค้างอยู่บนผิวฟัน ทำให้เกิดการสะสมของกรด และทำการละลายผิวฟันเป็นรูทำให้ฟันผุนั่นเอง

  • ปล่อยให้รับประทานตามใจชอบ

การปล่อยให้ลูกรับประทานขนม หรือกินจุบจิบตลอดเวลา จะทำให้ช่องปากมีระยะเวลาที่เป็นกรดนานขึ้น และถ้าปล่อยให้ช่องปากอยู่ในภาวะเป็นกรดนานเท่าไร โอกาสที่จะเกิดฟันผุก็ยิ่งมีมากขึ้นอีกด้วย

  • การแปรงฟันที่ไม่ถูกต้อง

แม้จะแปรงฟันครบ 2 ครั้ง แต่ถ้าหากแปรงด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องก็ไม่ได้ช่วยทำให้ฟันสะอาดอย่างแท้จริงด้วยเช่นกัน ดังนั้น คุณพ่อ คุณแม่จึงควรเรียนรู้วิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง

เมื่อไรจึงจะเริ่มแปรงฟัน

สุขภาพช่องปากที่ดีควรเริ่มต้นตั้งแต่วัยทารก โดยการทำความสะอาดทันทีหลังการดูดนมแต่ละครั้ง วิธีคือประคองศีรษะเด็กไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่ใช้มืออีกข้างเช็ดปากเด็กด้วยผ้าก๊อซสะอาดชุบน้ำ ผ้าเปียก หรือผ้าเช็ดฟัน ส่วนการแปรงฟันให้เริ่มได้ตั้งแต่ที่มีฟันซี่แรกขึ้น

เทคนิคการแปรงฟันทั่วๆ ไป

  • เลือกแปรงสีฟันขนนุ่มที่มีขนาดเหมาะสมกับวัย ถ้าต้องการใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ก่อนเด็กจะอายุครบหนึ่งปี ควรปรึกษาทันตแพทย์หรือกุมารแพทย์ก่อน
  • ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ให้ป้ายยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ในปริมาณเล็กกว่าขนาดเมล็ดถั่ว และในเด็กอายุ 2-5 ปี ให้ใช้ขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ผู้ปกครองควรแปรงฟันให้เด็กเล็กในห้องน้ำ ขณะเดียวกันผู้ปกครองก็แปรงเป็นตัวอย่างให้เด็กดูด้วย
  • ส่วนเด็กอายุ 6-8 ปี ที่สามารถแปรงฟันด้วยตนเองได้แล้ว ผู้ปกครองควรตรวจดูความสะอาดของฟันเด็กอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กแปรงฟันได้สะอาดดีทั่วทั้งช่องปาก
  • ควรกระตุ้นให้เด็กแปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้ง คือตอนเช้าและก่อนนอน ด้วยแปรงสีฟันขนนุ่ม -
  • แปรงสีฟันไฟฟ้าสามารถใช้ขัดแผ่นคราบเหนียวๆ ที่เรียกว่าคราบจุลินทรีย์ออกจากฟันและเหงือกได้อย่างนุ่มนวลเช่นกัน  
  • แปรงสีฟันของเด็กควรเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 3 เดือน หรือเร็วขึ้นเมื่อขนแปรงเริ่มเสียหรือหลุดออก นอกจากนี้ ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันหลังจากเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการนำเชื้อปัญหากลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง
  • เด็กวัยหัดเดิน (อายุน้อยกว่า 2 ปี) ควรบ้วนยาสีฟันออกเท่าที่จะทำได้หลังจากแปรงฟันโดยมีผู้ปกครองชี้แนะ เนื่องจากเป็นวัยที่กำลังเรียนรู้การบ้วน ส่วนเด็กปฐมวัย (อายุ 2-5 ปี) ที่เริ่มใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ อนุญาตให้กลั้วน้ำปริมาณน้อยๆ ได้หลังจากแปรงฟัน แต่อย่ากลั้วมากเพื่อให้ฟลูออไรด์ยังคงอยู่ภายในช่องปากช่วยให้เคลือบฟันแข็งแรงและป้องกันฟันผุ

วิธีการแปรงฟันและขัดฟัน

เนื่องจากเด็กอาจยังไม่รู้วิธีการแปรงฟันที่เหมาะสมกับฟันของตนเอง ผู้ปกครองจึงควรให้ความช่วยเหลือ ด้วยการสอนวิธีแปรงฟันและขัดฟันให้เด็กตามขั้นตอนดังนี้

  • ขั้นที่ 1: วางแปรงสีฟันขนนุ่มทำมุม 45 องศาบริเวณรอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน
  • ขั้นที่ 2: ขยับแปรงสีฟันไปมาในช่วงสั้นๆ เบาๆ ตามแนวฟันและเหงือก แล้วปัดลง (ฟันบน) และปัดขึ้น (ฟันล่าง)
  • ขั้นที่ 3: ทำเช่นนี้กับฟันบนและฟันล่าง ทั้งด้านในและด้านนอกจนครบทุกซี่
  • ขั้นที่ 4: แปรงลิ้นเพื่อกำจัดแบคทีเรียบนลิ้น

สิ่งที่ควรทำอย่างต่อเนื่อง

ควรไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือนภายหลังจากฟันซี่แรกขึ้นหรือเด็กอายุครบ 1 ปี ควรสอนวิธีการดูแลช่องปากให้เด็กตั้งแต่อายุยังน้อยจนติดเป็นนิสัยถึงวัยผู้ใหญ่ เริ่มจากการสอนวิธีการแปรงฟันและขัดฟันที่ถูกต้องเหมาะสมคือสิ่งสำคัญที่จะพัฒนาให้เกิดสุขอนามัยช่องปากที่ดีตลอดไป

Visitors: 41,250